Wetsuit และ Rash guard ฝาแฝด แต่ใช้ต่างกันอย่างมาก ควรเลือกยังไงดี??
Wetsuit และ Rashguard เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรมทางน้ำที่ดูแล้วหน้าตาแทบจะไม่แตกต่างกัน แต่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเราจะมาพูดกันคร่าวๆ
ความแตกต่างระหว่าง Wetsuit กับ Rash guard
1. Wetsuit (ชุดดำน้ำ)
- วัสดุ: Wetsuit ทำจากวัสดุยืดหยุ่นที่สามารถใส่ให้กระชับกับร่างกายได้ ส่วนใหญ่ใช้ลายพิเศษที่ช่วยในการรักษาความอบอุ่นในน้ำ และสามารถรักษาความร้อนให้กับผู้ใช้ในสภาวะน้ำเย็น
- การป้องกัน: Wetsuit ช่วยป้องกันการสูญเสียความร้อนจากร่างกายในน้ำเย็น รวมถึงป้องกันการรบกวนจากสิ่งแปลกปลอม เช่น รอยเริ่มเปื้อน เห็บผิว เพลิงแสงแดด เป็นต้น
- การใช้งาน: Wetsuit ใช้สำหรับกิจกรรมที่ต้องการใช้เวลานานในน้ำ อย่างเช่น ดำน้ำตื้น ดำน้ำในทะเล โต๊ะโคลนเบอร์ การล่าปลา และกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ ชุดเต็มตัวช่วยให้ร่างกายอยู่ในสภาพอุ่นอยู่เสมอในระหว่างการใช้งานในน้ำ
2. Rash Guard (ชุดว่ายน้ำกันแดด)
- วัสดุ: Rash Guard ทำจากวัสดุบางเบาที่มีคุณสมบัติระบายอากาศได้ดี รวมถึงมีความยืดหยุ่นและสามารถแลกเปลี่ยนได้ง่าย
- การป้องกัน: Rash Guard ช่วยป้องกันการเผชิญหน้ากับแสงแดดและการระคายเคืองจากสิ่งแปลกปลอม
- การใช้งาน: Rash Guard ใช้สำหรับกิจกรรมที่ต้องการป้องกันแสงแดดและการระคายเคืองจากสิ่งแปลกปลอมที่อาจเจ็บเสียดให้กับผิวหนัง อย่างเช่น การทำกิจกรรมทางน้ำที่ไม่ต้องการอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน เช่น ยานพาหนะทางน้ำ เรือเล็ก กิจกรรมทางหาด และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายแบบนอกสถานที่
จุดประสงค์ของในการเลือกใส่ Wetsuit และ Rash guard จึงต่างกันอย่างมาก โดย Wetsuit ใช้เพื่อรักษาความอบอุ่นและป้องกันการสูญเสียความร้อนในน้ำเย็น ในขณะที่ Rash guard ใช้เพื่อป้องกันแสงแดดและการระคายเคืองจากสิ่งแปลกปลอม เมื่อต้องการกิจกรรมที่ไม่ต้องการแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานๆเช่นการดำน้ำ
นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างในด้านการดูแลรักษาระหว่าง Wetsuit และ Rash guard ด้วย
ความแตกต่างในด้านการดูแลรักษาระหว่าง Wetsuit และ Rash Guard
- การดูแลและการบำรุงรักษา Wetsuit มีความซับซ้อนในการดูแลและการบำรุงรักษามากกว่า Rash guard โดยทั่วไปแล้ว Wetsuit ต้องการการล้างและการสะอาดที่เป็นพิเศษ เนื่องจากวัสดุที่ใช้มีความไวต่อการเสียหายจากการใช้งานในสภาวะที่เปียก นอกจากนี้ยังต้องใช้การดูแลเพิ่มเติมเช่นการทำลายเชื้อราหลังใช้งาน และการเก็บรักษาให้แห้งและปราศจากแสงแดดเพื่อป้องกันการเสียคุณภาพ
- การสวมใส่และการใช้งาน Wetsuit ต้องใช้เวลาในการสวมใส่และถอดออกมากกว่า Rash guard โดยเฉพาะเมื่อชุดดำน้ำเต็มตัว ซึ่งอาจต้องใช้ความช่วยเหลือจากผู้อื่นในบางครั้ง ในขณะที่ Rashguard สามารถสวมใส่และถอดได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้เหมาะสำหรับกิจกรรมที่ต้องการการเปลี่ยนเสื้อผ้าที่รวดเร็ว เช่น การทำกิจกรรมบริเวณชายหาด หรือหลังจากการว่ายน้ำ
ความแตกต่างระหว่าง Wetsuit และ Rash guard ไม่เพียงแค่อยู่ในด้านการป้องกันจากแสงแดด หรือสิ่งแปลกปลอม และการใช้งานเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการดูแลรักษา และความสะดวกสบายในการสวมใส่อีกด้วย
สรุปได้ว่า Wetsuit และ Rash guard เป็นชุดที่สำคัญในการทำกิจกรรมทางน้ำ โดย Wetsuit เหมาะสำหรับกิจกรรมที่ต้องการความอบอุ่นและการป้องกันความเย็นในน้ำ เช่น การดำน้ำตื้นหรือนำ้ลึกในทะเล ซึ่งต้องการการใช้เวลาในน้ำนาน ในขณะที่ Rash guard เหมาะสำหรับกิจกรรมที่ไม่จำเป็นต้องแช่อยู่ใต้น้ำเป็นระยะเวลานาน ต้องการป้องกันแสงแดดและการระคายเคือง
อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ Wetsuit หรือ Rash guard ขึ้นอยู่กับการใช้งานและความต้องการของแต่ละบุคคล ถ้าหากคุณสนใจในการดำน้ำและกิจกรรมทางน้ำในเวลานาน และต้องการความอบอุ่นและความปลอดภัยจากสิ่งแปลกปลอม อาจเลือกใช้ Wetsuit ที่มีคุณภาพดี ในทางกลับกัน ถ้าคุณมีความต้องการในการป้องกันแสงแดดและการระคายเคืองเมื่อทำกิจกรรมในน้ำ บนผิวน้ำ หรือไม่จำเป็นต้องอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานานมากๆ คุณสามารถเลือกใช้ Rash guard ที่มีคุณภาพเพราะเป็นชุดที่สะดวกสบายในการสวมใส่
สุดท้ายนี้, ไม่ว่าจะเป็น Wetsuit หรือ Rash guard ควรระวังการดูแลรักษาให้ถูกต้อง เพื่อให้สามารถใช้งานอุปกรณ์นี้ได้อย่างยาวนานและคงคุณภาพในการใช้งาน
